วันจันทร์ที่ 23 กันยายน 2567 นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กับสหกรณ์ในเขตปฏิรูปที่ดิน เรื่องการใช้โฉนดเพื่อการเกษตรเป็นหลักประกันสินเชื่อกับสหกรณ์ที่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินเป็นสมาชิก โดยมี นายสันทาน สีสา รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วย นายวงศ์ชัย ไชยโย ผู้อำนวยการกองพัฒนาสหกรณ์ภาคการเกษตรและกลุ่มเกษตรกร และนายสรรเสริญ พนิชการ สหกรณ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เข้าร่วมพิธีดังกล่าว ณ ศาลาพระมิ่งขวัญ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเสริมนอกภาคการเกษตร อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โอกาสนี้ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงในวันนี้ มีสหกรณ์ในเขตปฏิรูปที่ดิน จำนวน 10 แห่ง จากทุกภาคของประเทศ มาร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ซึ่งสหกรณ์ทั้ง 10 แห่งนี้ มีเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินเป็นสมาชิก จำนวน 4,380 ราย คิดเป็นวงเงินกู้สูงสุด 2,000 ล้านบาท โดยปัจจุบัน ส.ป.ก. กำลังเร่งดำเนินการขยายสิทธิและการใช้ประโยชน์การเพิ่มมูลค่าให้กับโฉนดเพื่อการเกษตร ตลอดจนการใช้โฉนดเพื่อการเกษตรเป็นหลักประกันสินเชื่อกับสถาบันการเงินอื่น ทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน
พร้อมกันนี้ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าปัจจุบันมีสหกรณ์การเกษตรที่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน จำนวน 109 แห่ง ซึ่งภายหลังจากมีการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลที่มุ่งเน้นเรื่องการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ให้เกษตรกรสามารถใช้โฉนดที่ดินเพื่อการเกษตรเป็นหลักประกันสินเชื่อได้นั้น ผลปรากฎว่ามีสหกรณ์จำนวนมากสนใจเข้าร่วมดำเนินการตามนโยบาย ซึ่งในการลงนามบันทึกข้อตกลงวันนี้มีสหกรณ์ที่มาร่วมงาน จำนวน 10 แห่ง โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์จะดำเนินการซักซ้อมแนวทางปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลง เพื่อให้สหกรณ์แต่ละแห่งใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงาน “พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของสมาชิกสหกรณ์การเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดินที่จะสามารถนำหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินและโฉนดเพื่อการเกษตรมาเป็นหลักประกันในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสหกรณ์ได้ เป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเงินทุนได้มากขึ้น เพื่อให้เกษตรกรนำไปจัดหาเครื่องมือเครื่องใช้ หรือเทคโนโลยีทางการเกษตรที่จำเป็นในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพดี อันจะส่งผลให้คุณภาพชีวิตของสมาชิกสหกรณ์ในเขตปฏิรูปที่ดินดีขึ้น ตามแนวทางที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์วางไว้ต่อไป” รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว